โดย...ส.คลองเตย
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ผู้ดำรงตำแหน่งสมเด็จที่มีอาวุโสสูงสุดในบรรดาสงฆ์ไทย ในปัจจุบันนั้นเป็นที่ทราบกันดีพอ ๆ กับเรื่องที่ท่านถูกมรสุมรุมสกัดไม่ให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าขบวนการสกัดมีแผนงานที่ชัดเจน พร้อมจะยกเรื่องใดมาดำเนินการในห้วงเวลาใดก็ได้ เพื่อบั่นทอนความเคารพในสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ที่สูงวัยถึง 92 ปีให้ลดน้อยลงเหมือนขบวนการโค่นล้มรัฐบาลในอดีต
loading...
เรื่องของเรื่องมีผู้ขับเคลื่อนยื่นใส่ให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ในวัยที่ใกล้ 100 ปีครองสมณเพศตลอดชีวิตตั้งแต่เป็นสามเณร จนเป็นพระมหาเถระตั้งอยู่ในศีลในธรรม และเมตตา ไม่เคยนำทัพมวลชนไปปิดเมืองขับไล่รัฐบาล ไม่เคยไปทำงานในกองทัพหรือองค์กรใดๆ หรือไม่มีข่าวคาวที่น่ารังเกียจเหมือนพระผู้ใหญ่บางรูปที่มีข่าวคาวกับเด็กหนุ่มหน้าตาดี แต่มีคนพยายามให้มีตำแหน่งใหญ่โต
เมื่อสมเด็จเป็นพระสุปฏิปันโน ก็ยังมีคนบางกลุ่มพยายามให้ท่านมีมลทินเช่นเรื่องรถโบราณ เมื่อเจอมารผจญขนาดนี้ก็ไม่ทำให้เจ้าประคุณสมเด็จมีอารมณ์ที่ว้าวุ่น ขาดสมาธิจนทำให้กิจการงานของคณะสงฆ์เสียหายอันแสดงให้เห็นถึงคุณธรรมการครองตน ครองสติที่จะไม่ให้เรื่องเท็จมาทำลายตัว และงานของท่าน
กลับกันเรากลับได้ทราบข่าว การปฏิบัติภารกิจเพื่อส่วนรวมของท่านอยู่เนืองๆ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเมตตาต่อทุกผู้คน ขัดกับพระบางรูปที่ยิ้มเหมือนแสยะคอยใส่ฟืนเติมไฟ ต่อต้านสมเด็จพระมหา
รัชมังคลาจารย์ไม่ให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชตามมติของมหาเถรสมาคม
คำถามคือสมเด็จท่านครองตัวอย่างนี้ได้อย่างไร คำตอบคือจิตที่ฝึกมาดีมีความอดทนอดกลั้น มีความเมตตามีความวิริยะความรับผิดชอบ จึงเห็นสมเด็จท่านปราศจากอารมณ์ขุ่นมัว และยังคงปฏิบัติศาสนกิจช่วยสงเคราะห์ด้วยความเข้มแข็งชื่นบานในทุกที่ทุกสถาน ที่ท่านได้รับนิมนต์ทุกวันไม่เคยว่างเว้น
ยิ่งถ้านึกถึงผู้เป็นเณรเป็นพระมาตั้งแต่เด็กจนอายุใกล้ร้อยปี ไม่เคยต้องคบค้าสมาคมกับผู้คนทางโลก ประเภทหน้าไหว้หลังหลอกกลับกลอกลับลวงพรางอ้างโน่นนี่นั่นเพื่ออำนาจลาภยศ อย่างที่มีอยู่เกลื่อนกลาดในยุคปัจจุบัน ยิ่งน่าอัศจรรย์ใจในตบะบารมี ในเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ต่างกับสิ่งที่สังคมได้เห็นผู้บริหารบางประเทศ ที่แสดงออกต่อสื่อมวลชนทั้งคำพูดและกิริยาท่าทาง บ่อยครั้งทำให้คนสงสัยว่ามีคำพูดมากมาย ที่ควรพูดก็ไม่พูด กริยาท่าทางที่น่าเป็นแบบอย่างก็ไม่แสดง หากแต่ตำหนิติเตียนผู้บริหารก่อนหน้าการยึดอำนาจ ประจำจนรู้สึกขบขำ
จากพฤติกรรมบางส่วนที่ประจักษ์ จึงไม่แปลกใจที่จะมีพระสงฆ์จำนวนมากไม่เชื่อว่าการดึงเรื่องแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช เป็นเรื่องปกติกระทำโดยสุจริตใจ เพราะพระสงฆ์ทั่วไปแคลงใจองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นผู้ตรวจการแผ่นดิน กฤษฎีกาที่กลายเป็นกลไกในเรื่องนี้
ส่วนเสนาบดีต่างๆที่มีบทบาทยิ่งไปกันใหญ่ เพราะขนาดแต่งตั้งตำรวจยังตั้งผู้ตายแล้วให้ได้ตำแหน่ง บางโรงพักตั้งตำรวจ 2-3 นายให้ไปรับตำแหน่งเดียวกันก็ได้ทำผิดพลาดขนาดนี้ยังมีความสุขโดยไม่ต้องแยแสสายตาของชาวบ้านที่มองด้วยความสมเพชว่ากันว่าที่ทำผิดจนหน้าพัง เพราะพลเอกสองคนช่วยกันทำช่วยกันส่งรายชื่อ ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำต้องมีคุณธรรมโดยประชาสังคมต้องร่วมตรวจสอบ มิเช่นนั้นเราก็จะมีผู้นำที่ทำให้คนร้องไห้ และหัวเราะเวลาเปิดโทรทัศน์ดูข่าวไปอีกนานเท่านาน
CR..posttoday
CR..posttoday
loading...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น